24 September 2006

ตูละเบี่ย ... case study II

เมื่อวานนี้เอง เวลาประมาณ 5 ทุ่ม กะลังนอนอยู่ที่บ้านพัก ดูทีวีไปเรื่อยเปื่อย ตามประสาคนเรื่อยเปื่อย


กริ๊ง ๆ ๆ ๆ .......... ( เสียงโทรศัพท์บ้านพักดัง ซึ่งไม่ได้ยินมานานมาก เพราะไม่ค่อยจะมีเคสด่วน ๆ ให้รักษาเท่าไหร่ )

"หมอคะ พอดีเจ้าหน้าที่มีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออกคะ หมอช่วยมาดูหน่อยได้มั้ยคะ"

ค่ะ!! เจ้าหน้าที่ค่ะ..ไม่ใช่ผู้ป่วย......แอบงุงิอยู่ในใจ กะลังคิดอยู่เลยว่า เป็น Hyperventilation syndrome หรือเปล่า ก็ประมาณโรคเครียดอ่ะ เครียดมาก ๆ ก็หายใจเร็วเอง แน่นหน้าอกเอง พวกนี้จับเอาถุงครอบปาก (ไม่ใช่..ตะกร้อครอบปากหมานะ) ก็หายเอง

กว่าจะแต่งตัวแล้วก็เดินไปที่วอร์ด ประมาณ 300 เมตร ได้ ก็ปาไป 10 นาที เจอสามีเจ้าหน้าที่วิ่งกระหืดกระหอบมาพร้อมกันด้วย

พอไปถึงพยาบาลก็มะรุมมะตุ้มกันอยู่ ก็เป็นคนไข้ท้องโย้ อายุครรภ์น่าจะประมาณ 30 wks. ได้ พยาบาลก็รายงานว่าความดันสูง ประมาณ 180/120 ( บ้าไปแล้ว สูงมาก ๆ ) ฟังปอดปกติ เคาะ reflex ดู(ไอ้ที่เอาไม้เคาะข้อเข่าอ่ะเวลาไปตรวจ) แต่นี่เอามือเคาะแทน เด้งดึ๋ง ๆ เลย (ปกติแล้วใช้มือเคาะมันไม่ขึ้นหรอก ถ้า reflex มันไม่ไวมาก ๆ ) ก็วินิจฉัยทันที "ครรภ์เป็นพิษ"

หันไปบอกฝาละมีแกว่า "ครรภ์เป็นพิษนะ" ฝาละมีแกตอบมาว่า "หมอที่พัทลุงก็บอกมาเหมือนกัน"

อ้าว !! ซ้างั้น ก็เลยซักประวัติฝาละมีซ้า.. สรุปว่าวันนี้แกไปทำธุระกับฝาละมีที่พัทลุง แล้วแกก็มีอาการมาตั้งแต่กลางวันแล้ว ไปตรวจที่รพ. พัทลุง หมอก็บอกว่าครรภ์เป็นพิษ จะผ่าตัด แต่ว่าแกคงไม่ยอมก็เลยขอกลับมาก่อน แล้วก็อย่างเงี้ยอ่ะนะ กลับมานอนที่บ้านจนอาการมันไม่ไหว

แถมฝาละมียังมีหน้ามาบอกอีกว่า "พอดีวันนี้เดินทางไกลด้วย แฟนคงเหนื่อย ความดันเลยขึ้น"

จะบ้าเหรอ ตูละเบี่ยจิงจิ๊ง มันจะเหนื่อยอะไรจนความดันขึ้นอยู่ได้ตลอดเวลา ทำตัวฉลาดกว่าหมอซ้างั้น ยิ่งหมอคนแรกบอกให้ผ่าตัดแต่แรกแล้วก็ไม่ยอม ตูละเบื่ออีกดอก

ก็เลยว่าจะรักษาไปเบื้องต้น แล้วค่อย refer (ส่งต่อผู้ป่วย) ก็เลยหันไปหาพยาบาล "มีแมกซอลท์มั้ยครับ" พยาบาลทำหน้าจิ้มลิ้มใส่ "ไม่มีค่ะ" ตูละเบี่ยดอกสาม

เอ้า..เอาวะ จำได้รพ. ยังพอมี adalat (ยาลดความดัน) ให้ใช้อยู่ เอาตัวนี้แหละ ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย (แต่ถ้าจะให้ดีกว่าต้องเป็นอีกตัว แต่ก็อีกนั่นแหละ รพ. มันบ่มี)

พอกินยาปุ๊บ ก็ refer ปั๊บ น่ากัวจะไปชักกลางทางจิงจิ๊ง

ข้อคิด - อย่าทำอวดรู้กว่าหมอ เพราะคุณไม่ใช่หมอ

ปล. แต่ก็ไม่ได้บอกว่าให้เชื่อหมอทั้งหมดนะ เพราะความรู้ทางการแพทย์อัพเดทอยู่ตลอดเวลา หมอทุกคนไม่ใช่จะรู้ทั้งหมด แต่ละคนก็จะรู้ลึกลงในรายละเอียดแต่ละสาขาไป แต่เราก็มีสิทธิที่จะรับรู้ข้อมูล และขอความเห็นจากแพทย์หลายท่านได้ ก่อนตัดสินใจรักษา (แต่กรณีนี้ ไม่รักษาแล้วยังกลับมานอนเล่นที่บ้าน อย่างนี้มันน่าจับมาตีก้นให้ลายทั้งผัวทั้งเมีย อิอิ.. ^_^ )

1 comment:

Anonymous said...

โห อยู่เวรศูนย์มะเร็งก็มีเคสemerนะเนี่ย ไม่น่าเชื่อเลย
ดีแล้วล่ะเบนซ์ จะได้มีอะไรทำซะบ้าง ไม่งั้นเดี๋ยวเบื่อแย่เลย